วันอังคารที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ตัวอย่างคำฟ้องรับรองบุตร

คำฟ้องขอให้รับรองบุตร

ข้อ ๑.โจทก์กับจำเลยในคดีนี้รู้จักกันมานาน เพราะมีภูมิลำเนาอยู่ใกล้กัน แต่เพิ่งสนิทสนมกันเมื่อประมาณเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๔๖ จากความสนิทสนมกันและจำเลยทำตัวเป็นคนดี รวมทั้งสร้างความเชื่อมั่นให้แก่โจทก์ว่าถ้าได้แต่งงานเป็นสามีภริยากัน จำเลยจะเป็นสามีที่ดีของโจทก์ได้ ซึ่งจำเลยเองก็เอ่ยปากขอให้โจทก์ยินยอมเป็นภริยาจำเลยหลายครั้งหลายหน โดยให้คำมั่นว่าจะรับผิดชอบเลี้ยงดูเป็นภริยาต่อไป และเพราะโจทก์เชื่อว่าจำเลยเป็นคนดีและจะรับผิดชอบดังที่พูดไว้ และจากการไปมาหาสู่ใกล้ชิดกันอยู่ประจำ                  ในที่สุดโจทก์ได้ยินยอมเป็นภริยาจำเลยโดยได้เสียกันหลายครั้งหลายหน ได้เสียครั้งแรกเมื่อประมาณต้นเดือนเมษายน ๒๕๔๘ ซึ่งการร่วมหลับนอนได้เสียกันนั้นอยู่ในระยะที่โจทก์อาจตั้งครรภ์ได้ และภายหลังจากนั้นโจทก์และจำเลยก็ร่วมหลับนอนได้เสียกันตลอดมา โจทก์ไม่เคยคบหาสมาคมกับชายใด ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์กับชายใดนอกจากจำเลยเพียงผู้เดียว ต่อมาทราบว่าโจทก์ตั้งครรภ์เมื่อประมาณปลายเดือนเมษายน ๒๕๔๘ ซึ่งโจทก์ได้แจ้งให้จำเลยทราบ จำเลยได้พูดขอร้องให้โจทก์ไปพบแพทย์เพื่อตรวจสอบการตั้งครรภ์ และยังบอกอีกว่าถ้าปรากฎการตั้งครรภ์ให้ทำลายเด็กในครรภ์ โจทก์มิได้ยินยอมกระทำตามคำขอร้องของจำเลย เพราะเห็นว่าการได้เสียกับจำเลยที่ผ่านมาเป็นการกระทำที่ผิดศีลธรรมแล้ว หากทำลายเด็กในครรภ์จะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย จำเลยไม่พอใจแต่ก็ยังขอร่วมหลับนอนกับโจทก์อีกหลายครั้งจนถึงสิ้นเดือน มกราคม ๒๕๔๘ จำเลยก็หลบหน้าไม่ยอมพบปะพูดจากับโจทก์ และไม่ยอมรับผิดชอบต่อการกระทำดังที่เคยพูดเอาไว้ข้อ
                 ๒. จากการที่โจทก์ประทานกราบเรียนต่อศาลที่เคารพว่าโจทก์ทราบถึงการตั้งครรภ์ เมื่อประมาณเดือนเมษายน ๒๕๔๖ แต่เพื่อให้เกิดความั่นใจว่าโจทก์ได้ตั้งครรภ์ ดังนั้นในเดือนกรกฎาคม ๒๕๔๖ โจทก์จึงได้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจสอบการตั้งครรภ์ จากการตรวจสอบของแพทย์ดังกล่าวทำให้โจทก์ทราบถึงการตั้งครรภ์ดังที่โจทก์ เข้าใจมาแต่แรก เมื่อโจทก์ทราบแน่นอนว่าตั้งครรภ์จึงได้พยายามติดต่อจำเลยอีกเพื่อให้ รับผิดชอบต่อการกระทำที่เกิดขึ้น แต่จำเลยก็บ่ายเบี่ยง ต่อมาเมื่อวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๔๗ โจทก์ได้คลอดบุตรที่โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท เขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร ซึ่งอยู่ในช่วงเวลา ๑๘๐ วัน ถึง ๓๑๐ วัน นับแต่โจทก์และจำเลยมีความสัมพันธ์ทางเพศกัน ต่อมาโจทก์ตั้งชื่อบุตรว่า เด็กชายน่ารัก น่าชัง ขณะนี้มีอายุ ๒ ปี รายละเอียดปรากฎตามสำเนาภาพถ่ายใบสูติบัตร เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข ๑ ขณะโจทก์คลอดบุตรและนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลโจทก์ได้มอบหมายให้เพื่อนๆ ซึ่งรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างโจทก์จำเลยไปบอกกล่าวให้จำเลยไปดูแลโจทก์ และบุตรที่โรงพยาบาล และดำเนินการทำหลักฐานเพื่อรับรองว่าเด็กชายน่ารัก น่าชัง เป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของจำเลย แต่จำเลยก็เพิกเฉยทั้งโจทก์ได้พยายามติดต่อจำเลยให้รับผิดชอบเรื่องการ อุปการะเลี้ยงดูบุตรแต่จำเลยก็เพิกเฉยอีกเช่นกัน
                 ข้อ๓. แม้โจทก์กับจำเลยจะมิได้จดทะเบียนสมรสกันโดยถูกต้องตามกฎหมายแต่ก็มี พฤติการณ์หลายอย่างที่แสดงว่าจำเลยมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับโจทก์เป็นที่ ประจักษ์ญาติ พี่น้อง เพื่อนฝูงถึงขั้นได้เสียเป็นสามีภริยากัน ซึ่งขณะได้เสียกันนั้นทั้งโจทก์และจำเลยก็ต่างทราบดีว่าระยะเวลาที่ได้เสีย มีเพศสัมพันธ์กันนั้นโจทก์อาจตั้งครรภ์ และจำเลยยังรู้ดีว่านอกจากจำเลยแล้วโจทก์ไม่เคยคบหาสมาคมหรือมีเพศสัมพันธ์ กับชายอื่น ในที่สุดโจทก์ได้มอบหมายให้ทนายความมีหนังสือบอกกล่าวถึงจำเลย เพื่อให้จำเลยแสดงความรับผิดชอบในค่าอุปการะเลี้ยงดูและให้จดทะเบียนรับรอง เด็กชายน่ารักน่าชัง เป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของจำเลย โดยส่งหนังสือบอกกล่าวไปยังภูมิลำเนาของจำเลย แต่บุคคลในครัวเรือนจำเลยไม่ยอมรับไว้ อ้างว่าจำเลยไม่อยู่ กรณีดังกล่าวถือได้ว่าจำเลยทราบถึงหนังสือบอกกล่าวของโจทก์แล้ว รายละเอียดปรากฎตามสำเนาภาพถ่ายหนังสือบอกกล่าวทวงถาม และใบตอบรับของบริษัทไปรษณีย์ไทย เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข ๒ และ ๓
                 โจทก์ไม่มีทางอื่นใดบังคับจำเลยได้ จึงต้องนำคดีมาสู่ศาล เพื่อขอบารมีศาลเป็นที่พึ่งให้มีคำพิพากษาแสดงว่าเด็กชายน่ารัก น่าชัง เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลยต่อไป และให้จำเลยจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูเด็กชายน่ารัก น่าชัง เป็นรายเดือน เดือนละ ๒๕,๐๐๐ บาท นับแต่วันที่ศาลมีคำพิพาษาถึงที่สุดไปจนกว่าเด็กชายน่ารัก น่าชัง จะเรียนจบการศึกษาชั้นอุดมศึกษา
ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น