วันพุธที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ฎีกาที่เกี่ยวกับการบังคับคดี

คำพิพากษาฎีกาที่เกี่ยวกับการบังคับคดี ตอน 2
           

คำบังคับ (มาตรา 272,273)

1.  ฎีกาที่ 2352/2521
            ทนายจำเลยทราบคำบังคับ  ถือว่าจำเลยทราบคำบังคับด้วย

2.  ฎีกาที่ 1938/2527
            มีข้อความเพียงว่าบังคับตามยอม  ยังถือไม่ได้ว่าเป็นคำบังคับแล้ว

3.  ฎีกาที่ 1131-1132/2544
            คำบังคับที่ออกตามคำพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดิน  ย่อมบังคับรวมถึงสิ่งปลูกสร้างที่เกิดขึ้นใหม่ในระหว่างคดีที่จำเลยกระทำขึ้นหรือยินยอมให้ผู้อื่นกระทำด้วย  การที่จำเลยยอมรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างเดิมและสร้างสิ่งปลูกสร้างขึ้นใหม่  ถือว่ายังไม่ได้ปฏิบัติตามคำบังคับโดยครบถ้วน

4.  ฎีกาที่ 4311/2536
            ในคดีที่มีการบังคับคดีได้สิ้นสุดลงแล้ว  จำเลยได้เข้ามารบกวนการครอบครองอีกถือการกระทำที่เกิดขึ้นใหม่  จะบังคับในคดีเดิมไม่ได้  ต้องฟ้องขับไล่เป็นคดีใหม่

5.  ฎีกาที่ 2701/2537
            กรณีคำพิพากษาบังคับให้จำเลยทำนิติกรรมโดยมิได้มีข้อความว่าให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย  ศาลชั้นต้นก็มีคำสั่งดังกล่าวในคำบังคับได้  เพราะเป็นคำสั่งเกี่ยวเนื่องกับการบังคับคดี

ค้ำประกันในศาล (มาตรา 274)

1.  ฎีกาที่ 8228/2538
            ในการทุเลาการบังคับในระหว่างอุทธรณ์  ศาลอาจจะวางเงื่อนไขว่าให้หาประกันมาให้พอกับหนี้ตามคำพิพากษา  ในกรณีเช่นนี้หากมีบุคคลภายนอกเข้ามาเป็นผู้ค้ำประกันเพื่อให้มีการทุเลาการบังคับในระหว่างอุทธรณ์  ความรับผิดของผู้ค้ำประกัน  ย่อมมีผลในชั้นอุทธรณ์เท่านั้น  เพราะเป็นการค้ำประกันการทุเลาการบังคับคดีในชั้นอุทธรณ์นั่นเอง

หมายบังคับคดี (มาตรา 275, 276)

1.  ฎีกาที่ 6479/2541
            ศาลพิพากษาให้จำเลยจดทะเบียนทางภาระจำยอมในที่ดินของจำเลยแก่ที่ดินของโจทก์  ปรากฏว่าจำเลยได้โอนที่ดินให้แก่บุคคลภายนอกไปแล้ว  ทำให้จำเลยไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินภารยทรัพย์อีกต่อไป  และไม่อยู่ในฐานะจะไปจดทะเบียนภาระจำยอมได้ถือว่าสภาพแห่งการบังคับคดีไม่เปิดช่องให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาได้

2.  ฎีกาที่ 1131-1132/2544
            ถ้าศาลพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินของโจทก์  การที่จำเลยโอนสิ่งปลูกสร้างและที่ดินให้บุคคลอื่นไปแล้ว  แต่จำเลยยังเป็นผู้จัดการดูแลครอบครองสิ่งปลูกสร้างอยู่  ถือไม่ได้ว่าสภาพแห่งการบังคับคดีไม่เปิดช่องให้กระทำได้

3.  ฎีกาที่ 5642/2540
            หมายบังคับคดีจะออกได้ต่อเมื่อระยะเวลาที่กำหนดให้ลูกหนี้ตามคำพิพากษาปฏิบัติตามคำบังคับได้ล่วงพ้นไปแล้วและลูกหนี้  ไม่ชำระหนี้  หมายบังคับคดีที่ออกในขณะที่ยังไม่พ้นกำหนดเวลาตามคำบังคับตามมาตรา 276  วรรคหนึ่ง  เป็นหมายบังคับคดีทันทีในขณะที่ยังไม่พ้นระยะเวลาตามคำบังคับและถึงแม้จะรอให้พ้นกำหนดเวลาตามคำบังคับ  จำเลยก็คงไม่ชำระหนี้และต้องออกหมายบังคับคดีและถึงแม้จะรอให้พ้นกำหนดเวลาตามคำบังคับ  จำเลยก็คงไม่ชำระหนี้และต้องออกหมายบังคับคดีอยู่นั่นเอง  ศาลอาจไม่ให้เพิกถอนหมายบังคับคดีก็ได้

4.  ฎีกาที่ 2364/2526
            การออกหมายบังคับคดี จะต้องออกตามคำพิพากษา  จะอ้างว่าสภาพแห่งหนี้ไม่เปิดช่องให้ปฏิบัติตามคำพิพากษาได้  จึงให้ใช้ค่าเสียหายแทนโดยมิได้พิพากษาเช่นนั้นไม่ได้ 

5.  ฎีกาที่ 2403/2527
            ถ้าเป็นเรื่องที่ต้องปฏิบัติตอบแทนกัน  ไม่ถือว่าเป็นการบังคับนอกเหนือคำพิพากษา

เจ้าพนักงานบังคับคดีอยู่ในฐานะผู้แทนเจ้าหนี้ฯ (มาตรา 278)

1.  ฎีกาที่ 4038/2543
            ในการดำเนินการบังคับคดี  เจ้าพนักงานบังคับคดีมีอำนาจในฐานะเป็นผู้แทนเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา  จึงถือว่าเจ้าพนักงานบังคับคดียึดและขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดและรับเงินจากการขายทอดตลาดไว้แทนเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา  เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจึงมีสิทธิคิดดอกเบี้ยจนถึงวันที่ขายทอดตลาดเท่านั้น

2.  ฎีกาที่ 691/2522
            เงินมัดจำที่ผู้ซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดวางไว้ต่อเจ้าพนักงานบังคับคดี  ถือว่าเป็นเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดที่เจ้าพนักงานบังคับคดีรับไว้แทนเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา  เมื่อผู้ซื้อผิดสัญญาและถูกริบเงิน  เจ้าพนักงานบังคับคดีต้องรวบรวมไว้ชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา

การยึดและอายัดทรัพย์สินของลูกหนี้  (มาตรา 282-284)

1.  ฎีกาที่ 586/2543
            เจ้าพนักงานบังคับคดีชอบที่จะยึดและอายัดทรัพย์สินตามที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอ้างว่าเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษา  ดังนั้น  เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงไม่ชอบที่จะขอให้อายัดสิทธิเรียกร้องที่เจ้าหนี้ยังโต้แย้งว่า  จำเลยยังมีข้อพิพาทกับบุคคลภายนอก

ทรัพย์สินและสิทธิเรียกร้องที่ไม่อยู่ในข่ายบังคับคดี (มาตรา 285,286)

1.  ฎีกาที่ 2227/2537
            ทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาที่ไม่อยู่ในข่ายบังคับคดีตาม ป.วิ.พ. มาตรา 285(4)  คือทรัพย์สินที่โอนกันไม่ได้ตามกฎหมาย  หรือตามกฎหมายย่อมไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี  สิทธิการเช่าเป็นสิทธิเฉพาะตัว  เมื่อไม่มีข้อตกลงให้ผู้เช่าโอนสิทธิการเช่าได้ ถือว่าเป็นทรัพย์สินที่โอนกันไม่ได้ตามกฎหมาย  ไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดี   โจทก์ไม่มีสิทธินำยึดขายทอดตลาดได้

2.  ฎีกาที่ 3020/2532 (ประชุมใหญ่)
            เงินเดือน ค่าจ้าง บำนาญ  เงินบำเหน็จฯ ตามมาตรา 286(2) และ (3) แม้จำเลยจะได้รับมาจากเจ้าหน้าที่แล้ว  ก็เป็นเงินที่ไม่อยู่ในข่ายบังคับคดี

3.  ฎีกาที่ 2541/2545
            ลูกจ้างของการรถไฟ ได้รับเงินเดือนจากงบประมาณของการรถไฟ  ไม่ใช่ลูกจ้างของรัฐบาล  กรณีจึงอยู่ในเขตบังคับตาม ป.วิ.พ. มาตรา 286(3)

ขอกันส่วน

1.  ฎีกาที่ 1767/2527
            บุคคลภายนอกจะใช้สิทธิตามมาตรา 287  นี้ได้  ต้องมีการบังคับคดีหรือบังคับชำระหนี้เอาแก่ทรัพย์สินของลูกหนี้ด้วย  หากเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาใช้สิทธิติดตามเอาคืนซึ่งทรัพย์สิน  ผู้ร้องจะร้องขอคุ้มครองตามมาตรานี้ไม่ได้

2.  ฎีกาที่ 5470/2536
            ในกรณีที่เป็นการฟ้องร้องให้แบ่งทรัพย์สินระหว่างเจ้าของรวม  บุคคลอื่นจะร้องขอกันส่วนไม่ได้เช่นกัน

3.  ฎีกาที่ 3323/2528
            ผู้ที่คุ้มครองชั่วคราวตามมาตรา 287 นี้  ต้องเป็นผู้มีบุริมสิทธิหรือสิทธิอื่นๆ  ซึ่งผู้นั้นอาจร้องขอให้บังคับเหนือที่ยึดหรืออายัดได้  สำหรับสิทธิอื่น ๆ  นี้จะต้องเป็นสิทธิทำนองเดียวกับบุริมสิทธิ

4.  ฎีกาที่ 2517/2534
            เจ้าหนี้ผู้รับจำนำเป็นผู้มีสิทธิเหนือทรัพย์ที่จำนำ  จึงมีสิทธิขอกันส่วนเพื่อขอรับชำระหนี้ของตนตามมาตรา 287  แต่ถ้าผู้รับจำนำยอมให้ทรัพย์ที่จำนำกลับคืนไปสู่การครอบครองของผู้รับจำนำแล้ว  สิทธิจำนำย่อมระงับสิ้นไป  ผู้รับจำนำจะร้องขอกันส่วนไม่ได้

เจ้าของรวมร้องขัดทรัพย์ไม่ได้  ต้องร้องกันส่วน

1.  ฎีกาที่ 541/2509
            ผู้ที่เป็นเจ้าของรวมในทรัพย์สินร่วมกับจำเลย  จะร้องขัดทรัพย์ไม่ได้  เพราะจำเลยมีส่วนเป็นเจ้าของอยู่ด้วย  แต่เจ้าของรวมคนอื่นมีสิทธิร้องขอกันส่วนของตนตามมาตรา 287 

2.  ฎีกาที่ 679/2532
            ถ้าทรัพย์สินที่ยึดเป็นสินสมรส  ถือว่าคู่สมรสที่ไม่ได้ถูกฟ้องด้วยบุคคลภายนอกมีสิทธิร้องขอให้บังคับเหนือทรัพย์สินนั้นได้  จึงมีสิทธิร้องขอกันส่วนจากเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดสินสมรสนั้น  แต่ทั้งนี้ต้องได้ความว่าหนี้ที่โจทก์ฟ้องบังคับนั้นไม่ใช่หนี้ร่วมระหว่างสามีภริยา 

3.  ฎีกาที่ 2725/2528
            กรณีผู้ร้องกับจำเลยเป็นสามีภริยากัน  และหนี้ตามคำพิพากษาเป็นหนี้ร่วมระหว่างสามีภริยา  สามีภริยาต้องรับผิดในหนี้ดังกล่าวร่วมกัน  ผู้ร้องจึงร้องขอกันส่วนจากสินสมรสที่ถูกยึดไม่ได้

4.  ฎีกาที่ 445/2540
            ถ้าเจ้าหนี้ที่โจทก์ฟ้องเป็นหนี้ร่วม  สามีหรือภริยาที่มิได้ถูกฟ้องจะร้องขอกันส่วนจากสินสมรสที่ถูกยึดทรัพย์บังคับคดีไม่ได้  แต่ถ้าเป็นสินส่วนตัวของคู่สมรสที่มิได้ถูกฟ้องเป็นจำเลยด้วยแม้จะเป็นหนี้ร่วมระหว่างสามีภริยาก็ตาม  เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจะยึดมาชำระหนี้ดังกล่าวไมได้

5.  ฎีกาที่ 2883/2528
            ถ้าหากมีการแบ่งแยกครอบครองที่ดินที่เป็นกรรมสิทธิ์รวมเป็นสัดส่วนแล้ว  ดังนี้  เจ้าของรวมย่อมขอกันส่วนที่ดินส่วนที่ตนครอบครองออกก่อนขายทอดตลาดได้  ไม่ใช่กันส่วนจากเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดที่ดิน

6.  ฎีกาที่ 675/2546
            ถ้าเพียงแต่ตกลงกันเป็นลายลักษณ์อักษรกันเองว่าจะแบ่งแยกการครอบครองที่ดินกันเท่านั้น  แต่ไม่มีการแบ่งแยกการครอบครองอย่างเป็นรูปธรรมชัดเจน  ถือว่าเจ้าของรวมนั้นครอบครองที่ดินร่วมกันทุกส่วน  จึงไม่มีสิทธิขอกันส่วนที่ดิน

7.  ฎีกาที่ 772/2523
            เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของเจ้าของรวมในคดีอื่นก็มีสิทธิร้องขอกันส่วนตามมาตรา 287

ผู้อยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนได้อยู่ก่อนตาม ป.พ.พ. มาตรา 1300

8.  ฎีกาที่ 2688/2538
            ผู้ที่อยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของตนได้ก่อนในทรัพย์สินที่โจทก์นำยึดตาม ป.พ.พ. มาตรา 1300  ถือว่าเป็น สิทธิอื่น ๆ  ซึ่งบุคคลภายนอกอาจร้องขอให้บังคับคดีเหนือทรัพย์สินนั้นได้ตามกฎหมายตามมาตรา 287

9.  ฎีกาที่ 5557/2545
            ผู้มีสิทธิตามสัญญาจะซื้อจะขาย  แม้ได้รับมอบทรัพย์แล้ว  แต่ยังไม่ชำระราคาไม่ครบ  ถือไม่ได้ว่าอยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของตนได้อยู่ก่อน  ไม่ได้รับความคุ้มครองตาม ป.วิ.พ. มาตรา 287

10.ฎีกาที่ 3766/2545
            ต่อมามีคำพิพากษาวินิจฉัยว่า  แม้ผู้จะได้ชำระราคาที่ดินครบถ้วนแล้ว  อันทำให้เป็นผู้อยู่ในฐานะอันจะให้จดทะเบียนสิทธิของตนได้ก่อน ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1300  ก็ตามก็ไม่ใช่สิทธิอื่น ๆ  ตามที่บัญญัติไว้ใน ป.วิ.พ. มาตรา 287

กำหนดเวลายื่นคำร้องตามมาตรา 287

11.  ฎีกาที่ 1195/2510
            การยื่นคำร้องตามมาตรา 287  นั้นไม่ได้กำหนดเวลาไว้  ดังนั้น  จึงอาจยื่นภายหลังจากการขายทอดตลาดแล้วก็ได้  ไม่จำต้องยื่นคำร้องก่อนขายทอดตลาดทรัพย์ที่บังคับคดี

12.ฎีกาที่ 974/2529
            ตามมาตรา 287 ที่ว่า...การบังคับคดีแก่ทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษานั้น  ย่อมไม่กระทบกระทั่งถึงบุริมสิทธิ...การบังคับคดีดังกล่าวหมายถึงการบังคับคดีภายหลังมีคำพิพากษาแล้ว  หากเป็นการยึดหรืออายัดชั่วคราวก่อนพิพากษาตามมาตรา 254  ผู้ร้องยังไม่มีสิทธิอ้างสิทธิตามมาตรา 287

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น